ประสบการณ์ฝึกงานกับ JMAM (THAILAND) ②

Admin

นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ชั้นปีที่ 3

ต้องทำงานอะไรบ้าง

ในตอนที่เริ่มเข้ามาทำงานพี่เลี้ยงก็พาฉันไปพบสมาชิกทุกคนภายในบริษัท และแนะนำข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัท เรียนรู้วิธีการทักทาย ไปลามาไหว้แบบคนญี่ปุ่น บริษัท JMAM ดำเนินการจัดอบรมในหัวข้อต่างๆ เพื่อช่วยบริษัทลูกค้าคลายปมปัญหาในการฝึกอบรมพนักงาน โดยมุ่งเน้นไปที่การอบรมบุคลากรในสายผลิต ฉันได้เข้ามาทำในตำแหน่ง General Affairs เป็นเวลา 2 เดือน งานที่ได้รับมีความหลากหลายมาก ตั้งแต่งานเอกสารไปจนถึงการแปลเอกสารสำคัญ งานที่ได้ทำ มีดังต่อไปนี้

– ฝึกการแปลอีเมลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทย

– ฝึกการเขียนอีเมลเป็นภาษาญี่ปุ่นทุกวัน

– แปลเอกสารของบริษัทจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทย

– แปลเอกสารคำถามที่ลูกค้าถามบ่อยเกี่ยวกับการสอบสมรรถนะ Industrial Manufacturing & Management Standard จากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น

– แปลเนื้อหาหลักสูตรพัฒนาบุคคลจากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น

เช็คคำศัพท์และข้อผิดพลาดในหนังสือเรียน

– ออกแบบฟอร์มใบกำกับภาษี/ ใบเสร็จ / ใบเสนอราคา

– ทำสต็อกสินค้า

– ไปทำงานนอกสถานที่กับหัวหน้าแผนกชาวญี่ปุ่น เช่น งานสัปดาห์หนังสือ, ร้านเครื่องเขียน เป็นต้น

– ทำรายงานสรุปผลการสังเกตการณ์นอกสถานที่อย่างง่ายให้แก่หัวหน้าแผนกชาวญี่ปุ่น

– สังเกตการณ์การสัมมนาหลักสูตรอบรม Visual management (PDCA) การบริหารจัดการด้วยการมองเห็น

– ประชุมและแจ้งความคืบหน้าของงานทุกสัปดาห์

ประชุมออนไลน์ประจำเดือนกับทางบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น

– สแกนนามบัตรลงแอพลิเคชั่นเพื่อรวบรวมข้อมูล

สิ่งที่ได้เรียนรู้และรู้สึกสนุก

ฉันคิดว่าการฝึกงานที่นี่ ทำให้ได้รับความรู้มากมายและสามารถนำไปใช้ได้จริง  ฉันได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นทุกวัน ถึงจะยังใช้ไม่คล่องแต่คิดว่าฟังรู้เรื่องมากขึ้น ฉันได้เรียนรู้การทำงานและวัฒนธรรมแบบคนญี่ปุ่นจริงๆ เช่น หลักการ HoRenSo ที่คนญี่ปุ่นใช้ในการทำงานจริงๆ การทักทายตอนเช้า บอกลาก่อนกลับบ้านแบบคนญี่ปุ่น การเขียนอีเมลสำหรับส่งภายในบริษัท เป็นต้น และยังมีงานที่ตรวจเช็คคำศัพท์ในหนังสือทำให้ได้รับความศัพท์ใหม่ๆเยอะมาก นอกจากนี้ยังได้ไปดูงานนอกสถานที่ แต่ละสถานที่ที่ไปมีทั้งความสนุกและได้รับความรู้ไปพร้อมๆกัน  ด้วยความช่วยเหลือของพี่ๆทุกคนทำให้ฉันผ่านทุกงานมาได้อย่างราบรื่นค่ะ

สิ่งที่รู้สึกยาก

สำหรับฉันสิ่งที่ยากคือการสื่อสารภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากฉันไม่ค่อยได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นจริงๆทำให้การสื่อสารติดขัด และเวลาหัวหน้าคนญี่ปุ่นสั่งงานฉัน บางครั้งฉันก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือไม่ แต่หัวหน้าคนญี่ปุ่นพยายามคุยภาษาญี่ปุ่นกับฉันทุกวัน ทำให้ฉันไม่เกร็งและกล้าที่จะพูดมากขึ้น และสิ่งที่ยากสำหรับฉันอีกอย่างหนึ่งคือการแปล ในช่วงแรกฉันยังแปลไม่ค่อยถูกประเด็น แต่พอได้แปลเอกสารเยอะมากขึ้น ฉันเลยค่อยๆพัฒนาการแปลมาเรื่อย ๆ ฉันทำได้เพราะพี่ๆทุกคนคอยช่วยเหลือ ช่วยชี้แนะว่าอะไรถูก อะไรผิด ฉันพยายามอย่างมากในการพูดคุยเป็นภาษาญี่ปุ่น ขอบคุณที่ให้กาสร่วมงานกันสำหรับ 2 เดือนที่ผ่านมาค่ะ สุดท้ายนี้ฉันคิดว่าถ้าเราตั้งใจจะทำ ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถเราแน่นอน