ABOUT US

JMAM in Japan ~ ประวัติการก่อตั้ง JMAM

 บริษัท JMAM มีต้นกำเนิดมาจาก สมาคมการบริหารจัดการประเทศญี่ปุ่น (Japan Management Association) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1942 โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของอุตสาหกรรมการผลิต หลังจากนั้น ปี 1991 สมาคมการบริหารจัดการประเทศญี่ปุ่นได้ควบรวมธุรกิจหลายภาคส่วนภายในสมาคม เช่น ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจการศึกษาทางไกลผ่านระบบไปรษณีย์ ธุรกิจการจัดจำหน่ายสมุดบันทึก ธุรกิจสิ่งพิมพ์ เป็นต้น  และเพื่อดูแลธุรกิจเหล่านี้ ทางสมาคม ฯ จึงได้จัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นมา ซึ่งก็คือ บริษัท JMAM ในปัจจุบัน

ธุรกิจของ JMAM

 บริษัทของเราดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบการเรียนรู้ (การจัดอบรม, การศึกษาทางไกลผ่านระบบไปรษณีย์, การประเมิน, e-learning, การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร, สื่อสิ่งพิมพ์) และ การออกแบบด้านการบริหารจัดการเวลา (สมุดบันทึก) บริษัท JMAM มีประวัติยาวนานในการสนับสนุนด้านการศึกษาให้แก่บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมากมาย โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 ได้เริ่มให้บริการจัดอบรมเพื่อเพิ่มผลผลิตในหน้างานการผลิตของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นผ่านการให้คำปรึกษา (consulting) จากนั้นบริษัทได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรอบรมขึ้นมาจำนวนมาก ปัจจุบันบริษัทให้บริการหลักสูตรอบรมที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่หลักสูตรอบรมตามระดับงาน ไปจนถึงหลักสูตรอบรมทางไกลที่สามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหาไปตามหัวข้อที่แต่ละบริษัทต้องการพัฒนาบุคลากรได้ เพื่อสนับสนุนการสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง

ธุรกิจการจัดอบรม

จุดเด่น 

 1. การจัดอบรมตามระดับงานที่ตรงกับบทบาทหน้าที่

ออกแบบและพัฒนาหลักสูตรตามระดับงาน โดยคำนึงถึงความคาดหวังที่มีต่อแต่ละตำแหน่งงาน

 2. หลักสูตรอบรมหลากหลาย

ให้บริการหลักสูตรอบรมมากกว่า 100 หลักสูตร และสามารถตอบสนองต่อความต้องการในการเรียนรู้ที่หลากหลาย

 3. ส่งเสริมการพัฒนาองค์กร

ให้การสนับสนุนการวางแผนอบรมพนักงานโดยเน้นความสำคัญของมุมมองด้านการพัฒนาองค์กร โดยจะนำเสนอแผนการอบรมที่คำนึงถึงสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อองค์กรโดยภาพรวม

 4. สามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหาตามความต้องการได้

สามารถนำเสนอหลักสูตรอบรมที่ปรับเปลี่ยนเนื้อหา-ตามความต้องการของลูกค้า

บริษัทเจมัมให้บริการสนับสนุนการเติบโตของบุคลากรและองค์กรด้วยจุดเด่นข้างต้นนี้

ผลงาน

จำนวนวันจัดอบรมทั้งหมด

วัน
0 +

ระบบการศึกษาของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น 

 ระบบการศึกษาที่แบ่งตามระดับงานของประเทศญี่ปุ่น มีข้อแตกต่างจากระบบการศึกษาของประเทศอื่นอยู่ โดยจะขอแนะนำข้อดี แนวคิดพื้นฐานและโครงสร้างการศึกษาทั่วไปภายในประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพของการศึกษาแบบแบ่งตามระดับงานที่บริษัท JMAM ให้บริการ

 บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นส่วนมาก จะมีการพัฒนาความสามารถของพนักงานอย่างเป็นแบบแผน ผ่านการอบรมหรือการหมุนเวียนเปลี่ยนงาน (Job Rotation) ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เป็นพนักงานเข้าใหม่ จนถึงเกษียณอายุ

 โครงสร้างการพัฒนาบุคลากรระยะยาวของญี่ปุ่นแบบนี้ เชื่อมโยงกับระบบการจ้างงานตลอดชีพ (Lifelong Employment) เป็นอย่างมาก ซึ่งอิงมาจากความคิดที่ว่า “บริษัทเป็นผู้นำในการมอบโอกาสในการศึกษาและสนับสนุนการเติบโตของพนักงาน”

 นอกหน้านี้ การเติบโตของพนักงานยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างบริษัทชั้นนำ โดยการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นแบบแผนระยะยาวเช่นนี้ จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมความมั่นคงและความซื่อสัตย์ที่มีต่อองค์กร และส่งผลให้เกิดความสำเร็จในระยะยาว

 ที่ประเทศญี่ปุ่น การศึกษาแบ่งตามระดับงานมีบทบาทสำคัญภายในบริษัท บทบาทหน้าที่ที่บริษัทคาดหวังจากแต่ละตำแหน่งงานจะแตกต่างกันไป โดยการวางแผนการศึกษาแบ่งตามระดับงานจะมาจากแนวคิดที่ว่าสิ่งสำคัญคือการให้พนักงานสามารถเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของตำแหน่งงานและปฏิบัติตามหน้าที่ได้

 ตัวอย่างอย่างเป็นรูปธรรมของการศึกษาแบ่งตามระดับงาน เช่น การอบรมพนักงานเข้าใหม่, การอบรมหัวหน้างานในการ OJT, การอบรม Supervisor, การอบรมหัวหน้าแผนก, การอบรมผู้จัดการ เป็นต้น การอบรมเหล่านี้จะจัดขึ้นในจังหวะสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงในบทบาทหน้าที่ที่คาดหวังจากแต่ละตำแหน่งงาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้แต่ละตำแหน่งงานมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ร่วมกัน และมีทักษะร่วมที่จำเป็นในการตอบสนองต่อการปฏิบัติบทบาทหน้าที่นั้นๆ

1. ส่งเสริมความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และเพิ่มพูนสมรรถนะขององค์กร

 พนักงานทุกคนสามารถเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างถูกต้อง และสามารถปฏิบัติงานด้วยความตระหนักในบทบาทหน้าที่นั้นๆ ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า “สภาวะที่พนักงานมีความตระหนักในบทบาทหน้าที่ร่วมกัน” ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง ในองค์กรที่ขาดสิ่งนี้ไป แต่ละแผนกอาจจะเข้าใจสารที่ผู้บริหารต้องการสื่อแตกต่างกันออกไป และเกิดความไม่กระจ่างชัดว่าใครมีหน้าที่ต้องทำอะไร ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหาต้องใช้เวลานาน
สิ่งที่คาดหวังจากการศึกษาแบ่งตามระดับงานอย่างต่อเนื่อง คือการที่พนักงานได้เรียนรู้ทักษะร่วมที่จะช่วยให้บรรลุบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบได้อย่างถูกต้อง และมีประโยชน์ต่อการสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง

2. สร้างรากฐานของบริษัทที่มั่นคง

 จากการจัดการศึกษาแบ่งตามระดับงานอย่างต่อเนื่องและคงเส้นคงวา จะก่อให้เกิดความมั่นคงต่อไปนี้

  • รักษาบุคลากรที่มีศักยภาพให้อยู่ในองค์กร
  • สั่งสมองค์ความรู้
  • พัฒนาบุคลากรด้วยมุมมองระยะยาว

จากปัจจัยเหล่านี้ บริษัทจะสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงยิ่งขึ้นได้

การศึกษาทางไกลผ่านระบบไปรษณีย์ 

■ ระบบสนับสนุนการพัฒนาตนเอง

 หลายบริษัทใช้ “ระบบสนับสนุนการพัฒนาตนเอง” ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่บริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ ซึ่งระบบนี้จะแตกต่างจากหลักสูตรการศึกษาแบบบนลงล่าง (Top-Down) ที่บริษัทเสนอให้ (เช่น การศึกษาแบ่งตามระดับงาน เป็นต้น) แต่ระบบนี้จะเป็นการสนับสนุนให้พนักงานแต่ละคนได้เรียนรู้ละพัฒนาตนเองในด้านที่ต้องการ

 การพัฒนาตนเอง คือ การเรียนรู้ส่วนบุคคล เช่น การได้รับคุณวุฒิ ซึ่งเน้นที่การตอบสนองต่อความต้องการในการเรียนรู้ส่วนบุคคล โดยเรียกว่า “การศึกษาแบบล่างขึ้นบน (Bottom-Up)” ซึ่งตรงกันข้ามกับมาตรการการเรียนรู้แบบบนลงล่าง ระบบการพัฒนาตนเองเป็นระบบที่บริษัทส่วนมากใช้ในการพัฒนาบุคลากรชั้นเลิศ เพิ่มพูนความต้องการในการเรียนรู้ของพนักงาน และส่งเสริมการเรียนรู้ที่เริ่มจากตนเอง การศึกษาทางไกลผ่านระบบไปรษณีย์ของบริษัท JMAM เองก็เป็นระบบการพัฒนาตนเองที่หลายบริษัทเลือกใช้

■ การศึกษาทางไกลผ่านระบบไปรษณีย์

 การศึกษาทางไกลผ่านระบบไปรษณีย์ของ JMAM เป็นบริการที่ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรของบริษัทและองค์กรต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน เรามีหลักสูตรมากมายให้บริการและยังสอดคล้องต่อความต้องการในการเรียนและระดับความรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถตอบรับกับระบบสนับสนุนการพัฒนาตนเองได้

จำนวนผู้เรียนทั้งหมด

คน
0 +